คำถามที่พบบ่อย

คำถามและคำตอบที่บ่อยที่สุด

ผมบางจากกรรมพันธ์ในผู้ชาย  แนะนำยา Finasteride (ฟีนาสเทอไรด์) เป็นยามาตรฐานสากล
ให้เริ่มกินเป็นตัวแรกเพราะเป็นยาที่ได้ผลดี เร่ิมกินที่ 1 มิลลิกรัมต่อวัน

สิ่งสำคัญในการกินยาตัวนี้คือ เพื่อให้ได้ผลอย่างเต็มที่ ควรมีวินัยในการกินยาทุกวัน ติดต่อกันนาน 6 เดือน จึงจะทำให้เส้นผม หนาขึ้น ดกดำขึ้น และยาวเร็วขึ้น ส่วนใหญ่หลังกินนาน 6 เดือนจะเห็นผลประมาณ 70-80 %

แต่ถ้าไม่กล้าเริ่มใช้ยาตัวนี้ด้วยตนเอง แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มใช้ยาและอธิบายโดยละเอียดเพิ่มเติม

ยาฟีนาสเทอไรด์เป็นยาที่ชะลอความเสียหายของรากผมไม่ให้ถูกกระทบจากกรรมพันธ์และฮอร์โมน  ดังนั้นเมื่อกินยา รากผมก็จะเสียหายช้า จะช่วยชะลอศีรษะบางและศีรษะล้านได้

จากการศึกษาทางการแพทย์เป็นยาตัวที่ได้ผลค่อนข้างดีมาก  หลังกินนาน 6 เดือน ผมจะแน่น และหนาขึ้น

สาเหตที่กินยาแล้วไม่ได้ผลอาจเกิดจาก 

  1. กินยาไม่สม่ำเสมอ
  2. กินยาต่อเนื่องแต่ไม่ถึง 6 เดือน 
  3. มีความคาดหวังที่ผิด เนื่องจากการกินยาจะมีผลเฉพาะบริเวณที่มีรากผม และเส้นผม อยู่

ส่วนศีรษะล้าน ไม่มีเส้นผมแล้ว การกินยาจะไม่ช่วยให้มีเส้นผมใหม่ขึ้นมาได้  หากต้องการให้บริเวณศีรษะล้าน มีเส้นผมขึ้นใหม่ ผมหนาแน่น ดูเด็กขึ้น แนะนำให้ปลูกผมถาวร 

 

ฟีนาสเทอไรด์ ( Finasteride ) ทำงานโดยลดการสร้างสาร DHT  ซึ่งสารตัวนี้จะทำให้รากผมอ่อนแอ เมื่อรากผมอ่อนแอ เส้นผมก็จะเล็กและบาง  หากไม่ได้รับการรักษารากผมจะถูกทำลายจนถึงเสียหายถาวรกลายเป็นศีรษะล้านหรือเถิกอย่างถาวร 

เมื่อกินยาจะทำให้ฮอร์โมนเพศชายทำงานเป็นปกติ ไม่มีผลต่อความเป็นชาย  การกินยาฟีนาสเทอไรด์ จะทำงานที่บริเวณรากผมเท่านั้น 

 

  • ห้ามใช้ในหญิงวัยเจริญพันธ์เพราะจะมีผลต่อทารกในครรภ์
  • ห้ามใช้ในคนที่แพ้ยา
  • ข้อควรระวังในผู้ป่วยโรคตับ
  • ข้อควรระวังในผู้ชายที่มีค่า PSA สูง

ยาฟีนาสเทอไรด์ ( Finasteride ) เป็นยาที่สามารถกินได้ระยะยาว โดยไม่มีการสะสม ไม่รบกวนการทำงานของไต ดังนั้นช่วงที่กินยาไม่จำเป็นต้องเจาะเลือด ยกเว้นในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับหรือโรคต่อมลูกหมากโต แพทย์อาจพิจารณาเจาะเลือด

ผลข้างเคียงที่พบได้ คือ ในคนที่กินยา 100 คน จะพบ 1 คนที่จะลดสมรรถนะทางเพศลง แต่ไม่มีผลในระยะยาว เมื่อหยุดยาสมรรถภาพทางเพศจะกลับมาเหมือนเดิม

ผมบางด้านหน้าและผมเถิกด้านข้างแบบตัวเอ็ม แนะนำให้กิน finasteride (ฟีนาสเทอไรด์)  เป็นตัวแรก  ส่วนคนที่มีผมบางด้านหน้า ผมเถิกด้านข้างแบบตัวเอ็ม และมีผลบางกลางศีรษะร่วมด้วย ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้ finasteride (ฟีนาสเทอไรด์) เป็นตัวแรก จากนั้นค่อยเพิ่ม minoxidil (ไมนอกซีดิล) เป็นยาตัวที่สอง

จากการศึกษาผมบางกลางศีรษะยาที่ได้ผลดี คือ minoxidil (ไมนอกซีดิล) แต่การกินยาจะมีผลข้างเคียง คือ มีขนขึ้นตามหน้า ตามตัว แขน ขา ซึ่งแต่ละคนจะมีผลข้างเคียงที่ต่างกัน ในบางรายขนขึ้นไม่เยอะก็สามารถกินควบคู่ไปกับ finasteride (ฟีนาสเทอไรด์) ได้ แต่ถ้ากินแล้วขนตามตัวขึ้นเยอะ แนะนำให้กินยา finasteride (ฟีนาสเทอไรด์) ตัวเดียว

ยา Finasteride (ฟีนาสเทอไรด์) เป็นยาชะลอการเสื่อมของรากผม ช่วงที่กินยารากผมจะแข็งแรง เส้นผมจะหนาขึ้น ยาวเร็วขึ้น ภาพรวมผมจะดูแน่นขึ้น ผลลัพธ์จะเต็มที่เมื่อกินนานเกิน 6 เดือน หากเรากินนาน 1 ปีแล้วรู้สึกพอใจในความแน่นของผม แนะนำให้กินต่อเนื่องเนื่องจากภาวะผมบางจากรรมพันธ์จะมีการทำลายรากผมอย่างต่อเนื่องระยะยาว

ในช่วงที่กินยาเส้นผมจะได้รับการปกป้อง สามารถชะลอความเสื่อมของรากผมได้ แต่ถ้าเราหยุดกิน รากผมจะไม่ได้รับการปกป้อง รากผมก็จะค่อยๆเสื่อมลง ไม่แข็งแรงเหมือนช่วงที่กินยา ผมจะกลับไปบาง เส้นเล็กเหมือนเดิม

การหยุดยาไม่ได้มีผลข้างเคียง ไม่มีอันตรายใดๆ เพียงแต่การหยุดยาจะทำให้รากผมเสื่อมไปตามเวลา โดยไม่ได้รับการรักษา เมื่อเราหยุดยานานหลายปี รากผมอาจถูกทำลายจนรากผมเสียหายถาวร ไม่มีผมขึ้นมาอีกเลย กลายเป็นศีรษะล้าน
ดังนั้นทางที่ดี หากไม่มีผลข้างเคียงจากยา แนะนำให้กินยาต่อเนื่องจะดีกว่า

ยารักษาผมร่วงที่ทำให้ผมขึ้นตามหน้า ตัว คือ ไมนอกซิดิล ( minoxidil ) ยาตัวนี้มีข้อดีในการรักษาผมบางบริเวณกลางศีรษะ ผมจะหนา ดกดำขึ้น  แข็งแรงขึ้น แต่มีผลข้างเคียงที่หลายคนอาจจะไม่ชอบคือ ขนจะขึ้นเยอะตามหน้า ตามตัว 

ในกรณีขนขึ้นเล็กน้อย สามารถกินต่อไปในระยะยาว  แต่ถ้าใช้ยากินไมนอกซิดิลแล้วไม่ชอบภาวะนี้ อาจจะเปลี่ยนไปใช้เซรั่ม หรือยาทาศีรษะที่มีส่วนผสมของไมนอกซิดิลแทน  ในผู้ชายแนะนำให้ใช้ความเข้มข้น 5 % แนะนำให้ทาบริเวณหนังศีรษะเพื่อให้ยาซึมเข้าสู่รากผม 

 

ผมบางในผู้ชายอาจแบ่งได้ สองแบบ คือ บริเวณที่ล้าน กับ บริเวณผมบาง
แบบแรก คือ บริเวณที่ล้าน ไม่มีเส้นผมเลย บริเวณนี้ไม่มีรากผมแล้ว การกินยาจะไม่สามารถทำให้ผมในบริเวณที่ล้านงอกขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้น ถ้าเราอยากให้บริเวณล้านมีเส้นผมใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ทำให้หน้าดูเด็กลง แนะนำให้ปลูกผม ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด หลังปลูกผมจะแน่นเป็นธรรมชาติ หน้าดูเด็กลง และเพิ่มความมั่นใจขึ้นมาได้

ส่วนแบบที่สอง เป็นผมบาง เส้นเล็กๆ บริเวณนี้ยังมีรากผมอยู่ แต่ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม การกินยาจะมีผลเฉพาะบริเวณที่มีผมอยู่ หลังกินยาจะช่วยชะลอการเสียหายของรากผม ทำให้ชะลอการบาง ชะลอการล้านได้

แนะนำให้กินต่อเนื่องทุกวัน นาน 6 เดือนขึ้นไป
หากคุณผู้ชายกินยาครบ 6 เดือนแล้ว รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ก็สามารถกินต่อได้ แต่หากต้องการให้มีเส้นผมใหม่ หนาแน่นกว่าเดิม แนะนำว่าอาจจะต้องปลูกผมร่วมด้วย

ผมบางจากกรรมพันธ์ส่วนใหญ่จะค่อยๆบาง ใช้เวลาหลายปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นชัดเจนในอายุมากกว่า 30 ปี  แต่ในบางรายอาจจะผมบางแบบเห็นได้ชัดตั้งแต่อายุ 20 ปี ดังนั้นการเริ่มยาจะไม่ได้ดูอายุเป็นหลัก แต่พิจารณาจากความบางและความต้องการของแต่ละคน ถ้าเริ่มผมบาง จนเสียความมั่นใจ ก็สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อกินยารักษาผมบางได้เลย

ผมบางจากพันธุกรรมจะมีลักษณะค่อยๆ บางลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นศีรษะเถิก หรือศีรษะล้าน ซึ่งในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน เช่น บางคนค่อยๆบางนาน 10 ปีจากนั้นจึงหยุดบาง หรือบางคนค่อยๆบางนาน 20 ปีจึงจะหยุด ทำให้แพทย์ไม่สามารถระบุได้ว่าจะให้กินนานกี่ปี 

ดังนั้นการรักษาจะกินยาต่อเนื่องหลายปี เพื่อชะลอความเสียหายของรากผม ชะลอศีรษะเถิก
ในกรณีที่กินยานานหลายปีแล้ว ต้องการหยุดยาด้วยเหตผลต่างๆ ก็สามารถหยุดได้ โดยไม่เป็นอันตราย แต่ช่วงที่ไม่ได้กินยา เส้นผมจะกลับมาบาง เส้นเล็กเหมือนเดิม และ รากผมจะถูกทำร้ายเร็วกว่าช่วงที่กินยา

หากไม่ต้องการกินยา แนะนำให้ใช้ยาทา minoxidil บริเวณหนังศีรษะ บำรุงรากผมด้วยวิตามินแบบรับประทาน หรือจะบำรุงรากผมด้วยการฉีด autologous hair cell growth factor หรือ deep meso hair  ประสิทธิภาพในการรักษาจะช่วยให้รากผมแข็งแรงขึ้น แต่ไม่สามารถทดแทนการรักษาแบบยากินได้

วิตามินบำรุงผมสามารถแยกได้ สองประเภท

แบบที่ 1 คือ ในบางรายที่มีภาวะซีดแบบธาตุเหล็กต่ำ การเสริมวิตามินธาตเหล็กจะช่วยได้ หรือในบางรายที่มีวิตามินดีต่ำ การกินวิตามินดีเสริมก็จะสามารถช่วยเรื่องผมร่วงได้

แบบที่ 2 วิตามินเสริมที่สามารถกินได้ทุกคน โดยไม่ต้องมีภาวะขาด เช่น ไบโอติน (biotin) , ซิลิเนียม (selenium) , ซิงค์ (zinc)

เซรั่มบำรุงรากผม ต้องมีส่วนประกอบสำคัญ คือตัวยา minoxidil จึงจะสามารถรักษาผมบางจากกรรมพันธ์ได้ แนะนำให้ทาต่อเนื่อง โดยกด นวด หนังศีรษะ ทุกวันนานมากกว่า 6 เดือนจึงจะเห็นผล  ผลข้างเคียงมีเพียงเล็กน้อยคือมีระคายเคืองบริเวณที่ทา

ผมร่วง ผมบางจากรรมพันธ์ เกิดจากปัจจัยในภายในของแต่ละคน การรักษาจึงเป็นยากินเป็นหลักในการปรับลดฮอร์โมน DHT ที่จะไปทำลายรากผมแต่การใช้แชมพูสระผมไม่มีตัวยาดัวกล่าวดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้

Dutasteride เป็นยากลุ่มเดียวกับ finasteride ในบางการศึกษา Dutasteride เพิ่มการเติบโตของเส้นผมได้มากกว่า แต่ขณะเดียวกันก็มีราคาที่แพงกว่า ดังนั้นในคุณผู้ชายที่เริ่มกินยาแนะนำเริ่ม finasteride ก่อน หากกินยานาน 1 ปีแล้วอยากได้เส้นผมที่แข็งแรงขึ้น อาจเปลี่ยนเป็น Dutasteride ได้

ร่วมเผยเสน่ห์ที่ซ่อน
อยู่ในตัวคุณที่ดร.กร

การปลูกผมสามารถเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธี FUE หรือ FUT การปลูกผมเป็นการลงทุนในตัวเองที่คุ้มค่าให้คุณร่วมตัดสินใจ